ต้นอ่อนผักบุ้ง (Water Spinach Sprouts): ผักจิ๋วบำรุงสายตาและสุขภาพ

ต้นอ่อนผักบุ้ง (Water Spinach Sprouts): ผักจิ๋วบำรุงสายตาและสุขภาพ

เผยแพร่เมื่อ 24 Nov 2025

ต้นอ่อนผักบุ้ง เป็นอีกหนึ่งไมโครกรีนที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มผู้รักสุขภาพ ด้วยรสชาติที่คุ้นเคยและคุณค่าทางโภชนาการที่เข้มข้นกว่าผักบุ้งที่โตเต็มที่ ทำให้ต้นอ่อนผักบุ้งกลายเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มคุณค่าอาหาร

ความความรู้จักกับต้นอ่อนผักบุ้ง

ต้นอ่อนผักบุ้งคืนต้นอ่อนที่ได้จากการเพาะเมล็ดผักบุ้งจีน (Ipomoea aquatica) มักเก็บเกี่ยวในช่วงอายุประมาณ 7-10 วัน มีความสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร ก่อนที่ใบจริงจะพัฒนาเต็มที่

  • ลักษณะเด่น ลำต้นสีขาวอมเขียว ใบเลี้ยงรูปทรงรีสีเขียวอ่อน ลำต้นมีความอวบน้ำ
  • รสชาติและเนื้อสัมผัส มีรสชาติและกลิ่นคล้ายผักบุ้งทั่วไป แต่จะอ่อนกว่า มีความกรอบและสมชื่น

ประโยชน์ทางโภชนาการ

ต้นอ่อนผักบุ้งอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารประกอบฟินอลิกที่สำคัญ ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก

  1. วิตามิน A และเบต้าแคโรทีนสูงมาก
    • บำรุงสายตา ช่วยในการมองเห็นในที่มืด และป้องกันความเสื่อมของดวงตา
  2. วิตามิน C และธาตุเหล็กสูง
    • วิตามิน C ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันหวัด และช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก
    • ธาตุเหล็ก (Iron) ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันภาวะโลหิตจาง และทำให้ร่างกายรู้สึกประปรี๊ประเปร่า
  3. สารต้านอนุมูลอิสระ (Phenolic Compounds)
    • มีสารประกอบฟินอลิกและฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ในปริมาณสูง ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
  4. แคลเซียมและฟอสฟอรัส
    • เป็นแหล่งของแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างและบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

การนำต้นอ่อนไปประกอบอาหาร

ต้นอ่อนผักบุ้งมีความหลากหลายในการนำไปประกอบอาหารไม่แพ้ผักบุ้งที่โตเต็มที่ แต่จะใช้เวลาปรุงน้อยกว่ามาก

  • ผัด นิยมนำไปผัดไฟแดง หรือผัดกับน้ำมันหอยและกระเทียม
  • สลัดและยำ สามารถนำมารับประทานสดในสลัดหรือเมนูยำต่างๆ ได้
  • ซุปและแกง ใส่เป็นผักในซุปหรือแกง เช่น แกงส้ม หรือต้มจืด
  • เครื่องเคียง ใบเป็นเครื่องเคียงในอาหารจานหลัก เช่น ผัดไทย หรือหอยทอด
อ้างอิง
  1. ข้อมูลโภชนาการและสุขภาพทั่วไป (General Health & Nutritional Sources)
  2. งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และโภชนาการ (Scientific & Nutritional Studies)
    • Antioxidant capacity, phenolic content, and sensory quality of pea microgreens (ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ปริมาณฟีนอลิก และคุณภาพทางประสาทสัมผัสของไมโครกรีนถั่วลันเตา)
      • วารสาร: Journal of Food Science หรือวารสารวิชาการที่เกี่ยวข้อง
      • สาระสำคัญ: งานวิจัยยืนยันว่าต้นอ่อนถั่วลันเตามีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
    • Nutritional Composition of Pea Sprouts: (องค์ประกอบทางโภชนาการของต้นอ่อนถั่วลันเตา)
      • แหล่งข้อมูล: ข้อมูลวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยด้านโภชนาการ (เช่น Washington State University Extension, ซึ่งมีการศึกษาเกี่ยวกับคุณค่าของไมโครกรีน)
      • สาระสำคัญ: ยืนยันปริมาณวิตามินที่สูง โดยเฉพาะ วิตามิน C, วิตามิน A (แคโรทีน), และ กรดโฟลิก (B9) รวมถึงปริมาณโปรตีนและใยอาหารที่เข้มข้น
    • The Protein and Amino Acid Quality of Pea Sprouts: (คุณภาพของโปรตีนและกรดอะมิโนในต้นอ่อนถั่วลันเตา)
      • แหล่งข้อมูล: งานวิจัยที่เปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการของต้นอ่อนกับเมล็ดพืชที่โตเต็มที่
      • สาระสำคัญ: ยืนยันว่าต้นอ่อนถั่วลันเตาเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่มีคุณภาพดี
  3. ข้อมูลโภชนาการและสุขภาพทั่วไป (General Health & Nutritional Sources)
    • Health Benefits of Microgreens and Sprouts: (ประโยชน์ต่อสุขภาพของไมโครกรีนและต้นอ่อน)
      • แหล่งข้อมูล: เว็บไซต์ด้านสุขภาพและโภชนาการที่น่าเชื่อถือ (เช่น Healthline, WebMD หรือฐานข้อมูลโภชนาการของ USDA)
      • สาระสำคัญ: ข้อมูลทั่วไปที่สนับสนุนว่าต้นอ่อนถั่วลันเตาช่วยในเรื่องการขับถ่าย (ใยอาหาร) บำรุงผิวพรรณ (วิตามิน C) และบำรุงสายตา (วิตามิน A)
    • Culinary Use of Dou Miao (Pea Shoots) in Asian Cuisine: (การใช้โต้วเหมี่ยวในอาหารเอเชีย)
      • แหล่งข้อมูล: บทความด้านอาหารและวัฒนธรรมการกินของจีน
      • สาระสำคัญ: ยืนยันความนิยมในการนำมาผัดไฟแดง และลักษณะรสชาติที่หวานกรอบ

ย้อนกลับ